0 รายการ 0 บาท
สมัครสมาชิกฟรี ล็อกอินใช้งาน นโยบาบเวบไซต์  
 
 
  หน้าหลัก     เกี่ยวกับไร่พอใจ     สินค้าจากไร่พอใจ     เรื่องราวที่ไร่พอใจ     ติดต่อไร่พอใจ
ค้นหาเรื่องราว :
 
สมัครอีเมล์รับข่าวสารต่างๆ จากไร่พอใจ
 
 
 
 
พอเพียง ไม่ใช่อัตคัดขัดสน เป็นการพออยู่พอกิน เหลือแจกจ่ายขาย แล้วจึงขยายเพิ่มได้
 
 
     
 
     
 
มะละกอ ผลไม้ที่ปลูกแสนจะง่าย
ที่ไร่พอใจ เกษตรอินทรีย์
เรื่องและเรียบเรียงโดย ตุ๊แสนฤทธิ์
 
 
 
มะละกอมีชื่อที่ใช้เรียกกันในแต่ละภาคของประเทศไม่เหมือนกันเลย เช่น ภาคเหนือเรียก มะก๊วยเทศ ภาคอีสานเรียก บักหุ่ง ภาคใต้เรียก ลอกอ ส่วนภาษาอังกฤษเรียก ปาปาย่า (Papaya) ซึ่งมันก็เป็นเพียงสรรพนามที่สมมุติกันขึ้น ทุกๆ คนมักจะรู้จักกันดีเหมือนกันว่า ผลไม้ชนิดนี้นำมาทำส้มตำได้อร่อยมาก จนฝรั่งขนานนามไว้ว่า ปาปาย่า ป็อก ป็อก
 
 
มะละกอเป็นไม้ผลล้มลุก ต้นสูงประมาณ 5-10 เมตร มีถิ่นกำเนิดในทวีปอเมริกากลาง เข้ามาในหมู่เกาะฟิลิปปินส์และเอเชียราวปลายศตวรรษที่ 10 เป็นผลไม้ที่กินได้ทั้งดิบและสุก นำไปปรุงเป็นอาหารได้มากมายหลายตำรับ แถมยังมีสรรพคุณทางยาสมุนไพร ทั้ง ต้น ใบ ราก และผลอีกด้วย มะละกอสุกมีสารไลโคพีนซึ่งเป็นสารช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก และอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ แคโรทีน วิตามินซี สารฟลาโวนอยด์ สารโฟเลต กรดแพนโทเทนิก ธาตุโพแทสเซียม แมกนีเซียม และเส้นใยอาหาร สารอาหารเหล่านี้บำรุงสุขภาพของระบบหัวใจและหลอดเลือด และป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่อีกด้วย นอกจากนี้มะละกอมีเอนไซม์ปาเปน สามารถนำมาใช้ด้านการแพทย์เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บทางการกีฬา
 
 
 
ลักษณะทางพฤษศาสตร์ ของมะละกอ
 
มะละกอเป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูง 5-6 เมตร เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาลออกขาว ลำต้นตรง ไม่มีแก่น แตกกิ่งก้านน้อย มีรอยแผลใบชัดเจน มียางขาวข้น ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับรอบต้นหนาแน่นที่ปลายยอด ใบรูปฝ่ามือ ขนาด 80-120 ซม. ขอบใบเว้าเป็นแฉกลึกถึงแกนก้าน ก้านใบเป็นหลอด กลมกลวงยาว 25-100 ซม. ดอกมะละกอเป็นดอกแยกเพศอยู่คนละต้น ดอกเพศผู้ออกเป็นช่อยาวห้อยลง ดอกสีขาว กลีบดอกมี 5 กลีบ มีกลิ่นหอม ดอกเพศเมียสีขาว ออกเป็นช่อกระจุกตามซอกใบ ดอกมีขนาดใหญ่ กว่าดอกเพศผู้ ผลรูปกระสวย ผิวเรียบ เปลือกบาง มียางสีขาว ผลสดสีเขียวเข้ม พอสุกเปลี่ยนเป็นสีส้ม รับประทานได้ มีเมล็ดมาก เมล็ดกลม สีดำ มีเยื่อหุ้มเมล็ดสีขาวใส
 
 
 
ประโยชน์และสรรพคุณทางยาสมุนไพร ของมะละกอ
 
จากการวิจัยของนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอินสบรุ๊ค ประเทศออสเตรีย พบว่ามะละกอมีสารต้านอนุมูลอิสระ สูงสุดเมื่อสุกงอม เนื่องจากคลอโรฟิลล์สีเขียวเปลี่ยนเป็นสารไม่มีสีที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอย่างเยี่ยมยอดอีกชนิดหนึ่ง เรียกว่า NCCs (nonfluorescing chlorophyll catabolytes) สะสมบริเวณเปลือกผลและใต้ผิวเปลือก เวลาปอกมะละกอสุกจึงไม่ควรกรีดริ้วบริเวณใต้เปลือกเพราะจะสูญเสียคุณค่าอาหารนี้ไป ถึงแม้มะละกอจะมีประโยชน์มากมาย แต่ร้อยละ 92 ของพลังงานจากมะละกอสุกมาจากคาร์โบไฮเดรต ผู้ที่ควบคุมอาหารแป้งและน้ำตาลจึงไม่ควรกินมะละกอมากเกินไป
 
 
 
มะละกอจัดเป็นพืชสมุนไพรที่มีการใช้ ส่วนต่างๆ มาทำเป็นยาป้องกันและรักษาโรคมมากมาย พอจะแยกสรรพคุณต่างๆ ได้ดังนี้
 
  1. มะละกอ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระอยู่หลายชนิด ซึ่งช่วยให้สุขภาพของคุณแข็งแรง
  2. ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสอยู่เสมอ
  3. ช่วยในการชะลอวัย ลดเลือนและป้องกันการเกิดริ้วรอยต่างๆ
  4. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงยิ่งขึ้น
  5. สามารถนำมาใช้เป็นทรีทเม้นท์ทำหน้าให้หน้าใสได้อีกด้วย ด้วยการนำมะละกอสุกผสมกับน้ำผึ้งและนมสด แล้วนำมาปั่นให้เข้ากัน หลังจากนั้นนำมาทาผิวหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที แล้วค่อยล้างออก
  6. ใช้นำมารับประทานเป็นผลไม้หรือของว่าง
  7. ใช้นำมาปรุงเป็นอาหาร เช่น แกงส้ม ส้มตำ เป็นต้น
  8. สามารถนำมะละกอไปใช้หมักให้เนื้อนุ่มได้อีกด้วย เพราะมีเอนไซม์ที่ชื่อว่า Papain ซึ่งเป็นส่วนประกอบของผงหมักสำเร็จรูปที่เราเห็นขายกันอยู่ตามท้องตลาดนั่นเอง
  9. นำมาแปรรูป การแปรรูปมะละกอ เช่น มะละกอแช่อิ่ม มะละกอแผ่น แยมมะละกอ มะละกอเชื่อม ซอสมะละกอ เยลลี่มะละกอ มะละกอแช่อิ่ม มะละกอสามรส มะละกอดอง มะละกอผง เป็นต้น
  10. มีส่วนช่วยกระตุ้นให้มารดามีน้ำนมมากขึ้น
  11. มะละกอ มีส่วนช่วยในการบำรุงประสาทและสมอง
  12. มะละกอ มีเอนไซม์ที่เป็นยาช่วยย่อยอาหาร
  13. ช่วยป้องกันลักปิดลักเปิด หรือเลือดออกตามไรฟันได้
  14. ช่วยรักษาอาการขัดเบา ด้วยการใช้รากสดประมาณ 1 กำมือ รากแห้งอีกครึ่งกำมือ หั่นแล้วนำมาต้มกับน้ำ แล้วนำน้ำมาดื่มวันละ 3 ครั้งก่อนมื้ออาหาร
  15. เป็นยาระบายอ่อนๆ แก้อาการท้องผูก ด้วยการกินเนื้อมะละกอสุก
  16. ช่วยในการย่อยอาหาร
  17. ใช้ฆ่าพยาธิ ด้วยการใช้ยางจากผลดิบซึ่งเป็นยาช่วยย่อยโปรตีน
  18. ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ แก้ขัดเบา จากรากมะละกอ
  19. ช่วยป้องกันการเกิดโรคนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
  20. ช่วยรักษาอาการเท้าบวม ด้วยนำใบมะละกอสดๆนำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับเหล้าขาว แล้วนำมาพอกตรงบริเวณนั้นๆ
  21. ช่วยแก้อาการเคล็ดขัดยอก ด้วยใช้รากมะละกอนำมาตำให้แหลกแล้วผสมกับเหล้าขาว แล้วนำมาทาบริเวณนั้นๆ
  22. ใช้รักษาอาการผดผื่นคันขึ้นตามลำตัว ด้วยใช้ใบมะละกอ 1 ใบ เกลือ 1 ช้อนชา น้ำมะนาวจำนวน 2 ผล นำมาตำรวมกันให้ละเอียดแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็นผดผื่น
  23. ช่วยรักษาโรคกลาก เกลื้อน เท้าเปื่อย ด้วยการใช้ยางมะละกอดิบมาทาวันละ 3 ครั้ง จะสามารถช่วยฆ่าเชื้อราได้
  24. ช่วยรักษาอาการคันอันเกิดมาจากพิษของหอยคัน ด้วยการใช้ยางมะละกอดิบๆนำมาทาทั้งเช้าและเย็น
  25. หากโดนเสี้ยนหรือหนามตำหรือหนามหักคาเนื้อใน หากนำยางมะละกอดิบมาทาหนามจะหลุดออกมา แต่ให้บ่งเปิดปากแผลก่อน
  26. หากโดนตะปูตำเท้าเป็นแผล ให้นำผิวของลูกมะละกอดิบมาตำแล้วนำมาพอกแผล โดยเปลี่ยนใหม่วันละ 2 ครั้ง
  27. ช่วยรักษาแผลพุพอง อักเสบ ด้วยการใช้ใบมะละกอที่แห้งกรอบนำมาบดให้เป็นผง นำไปผสมกับน้ำกะทิผสมให้พอเหนียว แล้วนำมาทาแผลวันละ 3 ครั้ง
  28. ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้เนื้อมะละกอดิบๆ นำมาต้มจนเปื่อยๆ นำมาตำแล้วนำมาพอกบริเวณบาดแผล
  29. ใช้รักษาอาการปวดหลังปวดข้อต่างๆ ด้วยรับประทานมะละกอสุกอย่างต่อเนื่องจะช่วยบรรเทาอาการดังกล่าวได้
  30. ช่วยรักษาอาการปวดกล้ามเนื้อ หรือกล้ามเนื้อไม่มีแรง ด้วยการใช้รากมะละกอตัวผู้นำมาแช่เหล้าขาวทิ้งไว้ 7 วัน และกรองเอาน้ำมาบริเวณที่ตามกล้ามเนื้อ หรือบริเวณที่กล้ามเนื้ออ่อน แรง
  31. ช่วยลดอาการปวดบวม ด้วยการนำใบมะละกอสดๆ ไปย่างไฟหรือใช้น้ำร้อนลวก แล้วนำมาประคบบริเวณที่มีอาการ หรือนำมาตำให้พอพยาบแล้วห่อด้วยผ้าขาวบางนำมาทำเป็นลูก ประคบก็ใช้ได้เหมือนกัน
  32. ช่วยป้องกันการเกิดอาการตับโต หรือโรคที่เดียวกับตับ
  33. เป็นยาช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง
  34. มีงานวิจัยมะละกอพบว่า การรับประทานมะละกอเป็นประจำมีส่วนช่วยในการต่อต้านโรคมะเร็งได้
  35. เลิกบุหรี่ ใช้ใบมะละกอแก่ ๆ หั่นเป็นฝอย มากน้อยตามต้องการ นำไปตากแห้ง แล้วใช้ผสมยาเส้นมวนเป็นบุหรี่สูบ จะช่วยให้เลิกบุหรี่ได้
  36. ล้างลำไส้ ขจัดไขมันในผนังลำไส้ ให้ทำชามะละกอดื่มเป็นประจำ โดยเอามะละกอดิบปอกเปลือกล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นชิ้น ๆ ต้มจนน้ำเดือด อาจปรุงแต่งรสด้วยใบเตยหรือเก๊กฮวยตามชอบ แล้วกรองเอาแต่น้ำ แล้วเอาน้ำร้อนนั้นไปชงกับใบชา แช่ไม่เกิน 3 นาที กรองเอาน้ำเก็บไว้ดื่ม และควรงดอาหารประเภทผัดทอดหรือของมัน ช่วยให้ลำไส้สะอาดดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น
  37. สิว ก็ใช้ยาแต้มที่หัวสิว หรือรับประทานมะละกอสุกเป็นประจำ แก้อาการท้องผูกช่วยในการระบาย ซึ่งสาว ๆ ที่ลดความอ้วนมักนิยมทาน และทานเป็นประจำจะช่วยบำรุงผิวพรรณให้สวย บ้างก็ใช้เนื้อที่สุกพอกหน้าเพื่อลดจุดด่างดำและผลัดเซลล์ผิว ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น
  38. ลบรอยส้นเท้าแตก ใช้ยางจากลูกสดทาจนหาย
  39. แก้หูด ให้สะกิดหัวหูดให้เปิดแล้วเอายางมะละกอทาวันละ 2-3 ครั้งจนหาย 
  40. ลบรอยด่างดำต่าง ๆ ที่ไม่พึงปรารถนาบนผิวหนังและใบหน้า ใช้มะละกอสดตำพอกบ่อย ๆ หรือน้ำคั้นจากมะละกอสุกใช้ทาลบรอยฝ้าแดด ฝ้าลมให้จางหาย หรือใช้ยางจากลูกมะละกอสดทาเป็นประจำวันละ 2-3 ครั้งจนหาย
  41. ขับประจำเดือน ใช้เมล็ดแก่ ๆ คั่วให้กรอบแล้วบดเป็นผง 2 ช้อนชาผสมกับเหล้าขาว 3 ช้อนโต๊ะ รับประทานเช้า เที่ยง เย็น ช่วยขับเลือดประจำเดือนเสียและอาการปวดท้องจะหายไป
  42. ปวดประสาท ใช้ใบมะละกอสดย่างไฟหรือจุ่มน้ำร้อนใช้ประคบบริเวณที่ปวด 
  43. ลูกอัณฑะโต ใช้ลูกมะละกอดิบเผาไฟให้ร้อนจัด ห่อด้วยผ้าหนา ๆ ใช้นาบคลึงบนหน้าท้องบริเวณหัวเหน่า เมื่อความร้อนของมะละกอลดลงให้ผ่าครึ่งตามความยาวเอาเมล็ดออก แล้วใช้ประกบที่ลูกอัณฑะจนมะละกอเย็น ทำวันละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3 วันจะหาย
  44. ขับพยาธิ ใช้เม็ดมะละกอแห้งคั่วบดเป็นผง ละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอนขนาดลูกมะเขือพวงรับประทานเช้า-เย็นครั้งละ 2-3 เม็ด หรือใช้ยางมะละกอสด 1 ช้อนแกง ไข่ไก่ 1 ฟอง ผสมกันแล้วทอดให้สุกรับประทานตอนท้องว่างในเวลาเช้า 
  45. นิ่ว ใช้รากมะละกอตัวผู้ 1 กำมือ ต้มเอาน้ำดื่มแทนน้ำชา จะช่วยขับนิ่วออกมา
  46. โรคริดสีดวงทวาร ท้องผูก ธาตุพิการ อาหารไม่ย่อย ท้องผูก เสียดท้อง เบาหวาน รับประทานมะละกอสุกจนนิ่มหลังอาหารเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่อง จะค่อย ๆ หายไปเอง 
  47. ร้อนใน ใช้รากมะละกอ 1 คืบ ต้มกับน้ำซาวข้าวรับประทานครั้งละ 1 ถ้วยกาแฟ
  48. หิดระยะเริ่มแรก ใช้ใบมะละกอต้มน้ำดื่ม อาการหิดจะหายไป
  49. โรคในระบบทางเดินหายใจ ใช้ดอกมะละกอสดหรือแห้งต้มใส่น้ำตาลพอหวาน กรองเอาน้ำรับประทานครั้งละ 1 แก้ว
  50. ไข้หวัด ก็ต้องส้มตำมะละกอเพิ่มความเผ็ดอีกหน่อยไล่หวัดดีทีเดียว
  51. อาการไข้ขึ้นสูง ใช้เนื้อมะละกอดิบ ต้มให้สุกจนเปื่อย ใช้พอกที่ศีรษะเวลาไข้ขึ้นสูง ดื่มน้ำต้มมะละกอตาม ช่วยให้ไข้ลดลงได้ดี 
  52. ไข้เปลี่ยนฤดู ใช้ใบมะละกอสด 1 กำมือ ตำพอแหลกผสมเหล้าขาว 3 ช้อนแกง คั้นเอาน้ำรับประทาน 
  53. คัน เพราะพิษของหอยคัน ซึ่งจะเป็นตุ่มคัน ให้ใช้ยางมะละกอดิบทาเช้า-เย็นจนหาย
  54. แผลพุพอง ใช้ใบมะละกอแห้งกรอบบดเป็นผง ผสมกับน้ำกะทิพอเหนียวข้นใช้พอกหรือทาที่แผล วันละ 2-3 ครั้ง 
   
 
 
 
สารเคมี ในมะละกอ
 
  • ในผลมะละกอ ประกอบด้วย โปรตีน 0.5 % คาร์โบไฮเดรต 9.5 % แคลเซี่ยม 0.01 % ฟอสฟอรัส 0.01 % เหล็ก 0.4 มิลลิกรัม/100 กรัม และสารอื่นๆ อีกเล็กน้อย

  • ในส่วนของเนื้อมะละกอ จะมี sucrose, invert sugar papain, malic acid และเกลือของ Tartaric acid, citric acid และ pectin จำนวนมาก (มีทั้งในผลดิบด้วย) และ pigment พวก carotenoid และวิตามินต่างๆ

  • ยางมะละกอ มี enzyme ชื่อ papain ซึ่ง papain เป็นชื่อรวมสำหรับเรียกเอนไซม์จากน้ำยางมะละกอ ซึ่งประกอบด้วย papain 10% chymopapain 45% lysozyme 20%

 
 
คุณค่าทางอาหาร ของมะละกอ
 

มะละกอสุกมีคุณค่าทางโภชนาการที่สำคัญ เช่น มีเส้นใยอาหารที่ช่วยในการขับถ่าย มีวิตามินเอบำรุงสายตา มีธาตุเหล็กบำรุงเลือด มีแคลเซียมบำรุงกระดูก มีสารเพคตินที่เคลือบกระเพาะอาหาร ปัจจุบันมีการสกัดสารสำคัญจากมะละกอสุกไปใช้ทำเครื่องสำอางและส่วนผสมในเครื่องสำอาง ๆ มากมาย มะละกอถูกนำมาใช้บริโภคเป็นผักได้หลายส่วนด้วยกัน เช่น ผล(ดิบ) ยอด ใบ และลำต้น ส่วนที่ใช้มากที่สุด คือ ผลดิบ ซึ่งอาจใช้บริโภคดิบก็ได้ เช่น นำมาปรุงตำส้มที่ชาวไทยรู้จักดี หรือนำมาทำให้สุกเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นต้ม (หรือต้มกะทิ) เป็นผักจิ้ม แกงส้ม ต้มกับเนื้อ ฯลฯ นอกจากนี้ยังนำเนื้อมะละกอดิบมาดองกับน้ำส้มเป็นผักดอง หรือนำเนื้อมะละกอมาดองเกลือ ตากแห้ง เป็นตังฉ่าย ใช้ปรุงอาหารจีนก็ได้

 
 
 
 
ยอดอ่อนและใบมะละกอ ก็นำมาใช้ปรุงอาหารเป็นผักได้เช่นเดียวกัน แต่ในเมืองไทยยังไม่นิยมกัน อาจจะเป็นเพราะรังเกียจความขมหรือยางในใบและยอด แต่ในหลายประเทศนิยมกันมาก เช่น บนเกาะชวาประเทศอินโดนีเซีย เป็นต้น ข้อดีประการหนึ่งของการนำใบและยอด มะละกอมาบริโภคเป็นผัก ก็คือ มีคุณค่าทางอาหารสูง ทั้งโปรตีน วิตามิน และเกลือแร่ชนิดต่างๆ จึงอยากขอฝากให้ชาวไทยที่มีฝีมือในการปรุงอาหาร ช่วยนำใบและยอดมะละกอมาทดลองประกอบอาหาร ให้ มีรสชาติที่คนไทยยอมรับ เป็นอาหารไทยชนิดหนึ่งได้ ก็จะเป็นประโยชน์ต่อคนไทยในอนาคตมาก
 
ในส่วนลำต้นมะละกอนั้น เมื่อปอกเปลือกด้านนอกออก จะได้เนื้อภายในที่มีสีขาวครีมและค่อนข้างอ่อนนุ่ม คล้านเนื้อผักกาดหัวจีน (ไชเท้า) จึงสามารถนำมาปรุงอาหารได้เช่นเดียวกับผักกาดหัว โดยเฉพาะนำมาดองเค็ม ตากแห้ง เหมือนหัวผักกาดเค็ม (ไชโป๊) มะละกอนับเป็นผักที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงชนิดหนึ่ง เช่น เนื้อในผลซึ่งแม้คุณค่าจะด้อยกว่าใบและยอด แต่ก็นับว่าสูงโดยเฉพาะวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แร่ธาตุเหล็ก และแคลเซียม เป็นต้น
 
 
 
 
 
มะละกอ ที่ไร่พอใจ เกษตรอินทรีย์
 
ที่ไร่พอใจ เกษตรอินทรีย์ เราปลูกมะละกอ กล้วย มะม่วง และพืชอื่นๆ ไว้อีกหลายชนิด แต่มะละกอได้ปลูกไว้สำหรับกินในครอบครัวและเหลือสำหรับนำไปหมักเป็นน้ำหมักสำหรับฉีดพ่น ข้าว ไม้ผล หรือพืชที่กำลังจะออกดอกออกผล เพื่อใช้เป็นฮอร์โมนเร่งดอกเร่งผลตามธรรมชาติ โดยจะนำเอา มะละกอสุก กล้วยสุก ฟักทองสุก มาหมักกับกากน้ำตาลและหัวเชื้อจุลินทรีย์ โดยหมักทิ้งไว้ 7-14 วัน ก็จะได้น้ำหมักฮอร์โมน การนำไปใช้ต้องนำไปเจือจางกับน้ำสะอาดในอัตรา 1 ส่วนต่อน้ำ 1,000 ส่วน ฉีดพ่นในช่วงเช้า พยายามให้ถูกใต้ใบพืชจะดูดซึมได้ดี
 
 
รวมรูปภาพของมะละกอ ที่ไร่พอใจ เกษตรอินทรีย์
 
 
 
 
 
ความสำคัญของเกษตรอินทรีย์
 
แนวความคิด ของการทำเกษตรอินทรีย์ แบบยั่งยืน
แล้วคำว่า "เกษตรอินทรีย์" มันคือการเกษตรอะไรกันแน่....
ความสำคัญเกี่ยวกับ การทำเกษตรที่เป็นเกษตรอินทรีย์ 100 เปอร์เซนต์
     
           
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
พันธมิตรโฆษณา
 

 

 
 
 
 
     
 
 
    ติดต่อเวบมาสเตอร์ :    
 
 
             
สงวนลิขสิทธิ์โดย.....
ไร่พอใจ เกษตรอินทรีย์
 
ที่อยู่บริษัท.....
121 หมู่ 6 ต.กุดจอก อ.หนองมะโมง
จ.ชัยนาท 10270
 
เบอร์โทรศัพท์.....
093-0367910, 02-9933305
 
เบอร์แฟกซ์์.....
02-9933306    Line ID : raiporjai
 
 
 
อีเมล์ติดต่อ.....
sales@raiporjai.com
 
 
 
 
หัวข้อเมนูหลักในเวบไซต์.....
กลับหน้าหลัก
เกี่ยวกับไร่พอใจ
สินค้าจากไร่พอใจ
เรื่องราวที่ไร่พอใจ
มุมสมาชิก
ติดต่อเวบไซต์
 
 
เมนูอื่นๆ ในเวบไซต์.....
สมัครสมาชิก
สมาชิกล็อกอิน
แจ้งชำระเงินค่าสินค้า
สมาชิกลืมรหัสผ่าน